ปัจจุบันนี้กังหันลมผลิตไฟฟ้าเริ่มมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ความก้าวหน้าของกังหันลมผลิตไฟฟ้าได้ทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้เหมาะสมกับผู้บริโภค เนื่องจากข้อได้เปรียบของกังหันลมผลิตไฟฟ้าเมื่อเทียบกับโซล่าเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ แผงโซล่า solar cell คือกังหันลมสามารถผลิตพลังงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน (ตลอด 24ชั่วโมง) ตราบเท่าที่มีลมที่สำคัญที่สุด คือ "เราผลิตได้เอง"
กังหันลมผลิตไฟฟ้า
คือ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (อาจเรียกว่าเครื่องปั่นไฟ) ขับเคลื่อนด้วยกังหันซึ่งใช้กำลังลมขับใบพัดทำหน้าที่รับกำลังลมมาเปลี่ยนให้เป็นแรงหมุนนำไปหมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าใบพัดและเครื่องกำเนิดไฟฟ้ายึดติดเป็นชุดเดียวกันติดตั้งไว้บนเสาสูงเพื่อให้ได้กำลังลมแรง แล้วจึงต่อสายไฟลงมาใช้งานกำลังของกังหันลมผลิตไฟฟ้า คือ ปริมาณไฟฟ้าที่เครื่องสามารถผลิตขึ้นมาได้ขนาดเล็กจะบอกหน่วยกำลังเป็น วัตต์ (Watt) ถ้ากำลังสูงขึ้นเป็น ขนาดใหญ่จะบอกเป็นกิโลวัตต์ (Kilowatt) 1 กิโลวัตต์ = 1,000 วัตต์ การบอกกำลังนี้จะต้องกำกับด้วยว่า ณ ความเร็วลมเท่าไร เวลานำไปใช้งานจริงกำลังที่จะได้รับจริง ๆ นั้นขึ้นอยู่กับความเร็วลม ลักษณะของใบพัดที่ดีจะต้องเป็นไฟเบอร์
ข้อมูลควรรู้
ความเร็วลมจากธรรมชาติจะแรงหรืออ่อนเราใช้หน่วยวัดความเร็วหลายอย่างเช่น ไมล์ต่อชั่วโมง (Mile/Hour mph) หรือ คำนวณลงมาเป็นฟุตต่อนาที่ (Foot/Minute) และกิโลเมตรต่อชั่วโมง (Kilometer/Hour) หรือคำนวณลงมาเป็นเมตรต่อ วินาที (Meter/Second) โดยการคำนวณดังนี้ ความเร็วลมกิโลเมตร : ชั่วโมงคูณด้วย1,000 ให้กลายเป็นเมตร : ชั่วโมง เมื่อหารด้วย 60 จะได้เป็นเมตรต่อนาทีและหารด้วย 60 อีกครั้งเพื่อให้เป็นเมตร:วินาที ความเร็วลมระดับที่กังหันลมสามารถเริ่มต้นทำงานและผลิตไฟฟ้าได้เรียกว่าความเร็วลมเข้าระบบ (Cut in Wind Speed) แต่ในขณะนี้อาจได้กำลังน้อยหรือยังไม่ได้กำลังเลย (ความเร็วลมประมาณ 6 เมตร : วินาที) การจำหน่ายหรือขายไฟฟ้าจะกล่าวถึง พลังงานเท่านั้นและจะซื้อขายกันเป็นจำนวนหน่วย (1 หน่วย = 1 กิโลวัตต์ :ชั่วโมง) ปัจจุบันการไฟฟ้ารับซื้อพลังงานไฟฟ้าผลิตจากลมในราคาหน่วยละ 2.60 บาท +เงินเพิ่มให้เป็นพิเศษอีก 4.50 บาท รวมเป็น 7.10 บาท
ตัวอย่าง
ความเร็วลม 18 กิโลเมตร : ชั่วโมง เมื่อคิดเป็นเมตร : วินาทีจะได้ 18 x 1000 /(60x60) = 5 เมตรต่อวินาที ข้อมูลที่ควรจำ 1 เมตร : วินาที = 3.6 กิโลเมตร : ชั่วโมง = 2.24 ไมล์ :ชั่วโมง
หมายเหตุ
กังหันลมผลิตไฟฟ้าโดยทั่วไปจะทำงานผลิตกระแสไฟฟ้าได้เต็มพิกัดที่่ความเร็วลมประมาณ 10-12 เมตร:วินาทีและถ้าความเร็วลมลดลงครึ่งหนึ่งเหลือประมาณ 5-6 เมตร: วินาทีกำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้จะลดลงเหลือเพียง 1 ใน 8 เท่านั้น ความเร็วในการหมุนของกังหันลมเป็นจำนวนรอบ : นาทีถ้าเราไปยืนดู กังหันลมผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ซึ่งกำลังหมุนอยู่แล้วอยากรู้ความเร็วรอบเท่าไหร่ ใช้นาฬิกาจับเวลาภายในเวลา 1 นาทีใบพัดของกังหันจะหมุน ผ่านเสากี่ครั้งแล้วหารด้วยจำนวนใบพัดก็จะได้เป็นความเร็วรอบ : นาที
ตัวอย่าง
ในการจับเวลา 1 นาที นับจำนวนครั้งที่ใบพัดหมุนผ่านเสาได้ 180 ครั้งและกังหันลมเป็นชนิด 3 ใบพัด ความเร็วรอบในขณะนั้นเท่ากับ 180/3 = 60 รอบ : นาที
แบตเตอรี่ (Battery)
ทำหน้าที่ประจุ (ชาร์จ) พลังงานเก็บไว้ในแบตเตอรี่เปรีเสมือนการสูบน้ำเก็บไว้ในถังเครื่องสูบน้ำสูบได้ปริมาณไม่มากแต่สูบตลอดทั้งวันทั้งคืนปริมาณน้ำจึงถูกเก็บไว้ในถัง ความจุของถังควรมากกว่าขีดความสามารถที่่สูบได้เป็น 2 หรือ 3 เท่าขนาดของแบตเตอรี่ก็เช่นเดียวกันควรมีความจุมากกว่าพลังงานที่ผลิตได้ในรอบสัก 2 หรือ 3 เท่า
วิธีคำนวณ
ขนาดความจุของแบตเตอรี่ จะบอกเป็น แอมแปร์ : ชั่วโมง (Ampare-Hour หรือ Ah) เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ ขนาด 70 Ah ผู้ผลิตจะมีข้อความแสดงว่า 12 V.70 Ah
(20HR) อย่างนี้หมายความว่าแบตเตอรี่ลูกนี้เมื่อชาร์จไฟเต็มแล้ว สามารถใช้งานที่กระแส 3.5 แอมแปร์ได้นาน 20 ชั่วโมง ( 70 ? 20 = 3.5amและ 3.5 am x 20 ชั่วโมง = 70 Ah)
เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter)
ทำหน้าที่เปลี่ยนไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ให้กลายเป็นไฟฟ้ากระแส-สลับ (AC) พร้อมทั้งปรับแรงดัน (Volt)ให้ได้ตามที่ต้องการใช้งานและจะต้องมีขนาดกำลังวัตต์
(Watt) เหมาะสมกับความต้องการใช้งาน
ข้อควรระวัง
อินเวอร์เตอร์จะมีระบบสวิทช์เปิดปิดหากไม่มีการใช้งาน เพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากแบตเตอรี่และยังเป็นการยึดอายุการใช้งานของอินเวอเตอร์หลังจากที่ไม่ใช้
ควรปิดทุกครั้งที่เลิกใช้หรือไม่ควรเปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา
ชุดรับรองการหันเห (Yaw bearing)
เนื่องจากกระแสลมเปลี่ยนทิศทางอยู่ตลอดเวลา กังหันลมจึงจำเป็นต้องปรับทิศทางตามลมทำให้ต้องมีลูกปืนรองรับชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมทั้งใบพัด (Yaw
Bearing) ทำให้สามารถปรับทิศทางได้รอบตัวและต้องมีหางเสือ (Tail Vane) เพื่อช่วยให้กังหันตรงทางลงอยู่เสมอ